บุรุษผู้พลิกฟื้น รอยัล เอ็นฟิลด์
Siddhartha Lal
สิทธัตถะ ลาล เป็นบุตรของ
วิกราม ลาล เจ้าของบริษัทไอซ์เชอร์(Eicher Motors Ltd)ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทRoyal Enfield อินเดีย เขาเข้าศึกษาทางด้านวิศวเครื่องกลจาก มหาวิทยาลัย Cranfield และจบปริญญาโท
สาขาวิศวยานยนต์จากมหาวิทยาลัย Leedsในประเทศอังกฤษ
เมื่อปี2000ขณะอายุเพียง26ปี
เขาเข้ารับผิดชอบบริษัทRoyal
Enfieldในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร
ในปี2006 เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของไอซ์เชอร์
ปัจุบันเขาอายุ42ปี(ปี2016)
รอยัลเอ็นฟิลด์ถือว่าเป็นรถที่ได้รับความนิยมชมชอบสุดสุดในประเทศอินเดียทุกวันนี้ เริ่มครองใจคนอินเดียมาตั้งแต่เริ่มต้น
จุดประสงค์แรกที่เข้ามาเพื่อใช้ในกองทัพอินเดียในการตรวจตราเส้นทาง ปัจจุบันรถแบรนด์นี้เป็นที่นิยมขับขี่เพื่อการท่องเที่ยวของบรรดาวัยรุ่นทั้งหลาย
แต่ถ้าย้อนหลังกลับไปอีกหนึ่งทศวรรษ
กลับไม่ใช่ทางเลือกแรกๆของบรรดาวัยรุ่นที่ชอบรถที่มีสไตล์และเป็นมันวาวเพื่อใช้ขี่ท่องเที่ยวหรือไว้ใช้ไปเรียนหนังสือ
10กว่าปีให้หลังมานี้
รอยัลเอ็นดิ้นรนอย่างขนานใหญ่จากวิกฤติเรื่องภาพลักษณ์
เนื่องจากยอดขายลดลงและถึงกับต้องปิดโชว์รูม ลาลต้องตัดสินใจว่าจะคงธุรกิจในเครือ13บริษัทเอาไว้แล้วปิดรอยัลเอ็นฟิลด์
เขาตัดสินใจเลิก13ธุรกิจในกลุ่มแล้วพุ่งความสนใจไปที่รอยัลเอ็นฟิลด์และธุรกิจรถบรรทุกโวลโว
เขาเคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ Economic Times ว่า “ ในความดิดของผมคำถามพื้นๆก็คือเราต้องการเป็นผู้เล่นกระจอกในธุรกิจขนาดเล็ก15ธุรกิจหรือต้องการเป็นหนึ่งเพียงหนึ่งหรือสองธุรกิจหละ” หลังการตัดสินใจในครั้งนั้น ต่อจากนั้นมันจึงได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่เหลือ
เขาพุ่งความสนใจไปที่รอยัลเอ็นฟิลด์เป็นอันดับแรก
ปล่อยธุรกิจรถบรรทุกไว้ก่อน ลาลเริ่มงานทางด้านวิศวกรรมและการปรับปรุงรถโดยการขับทดสอบด้วยตนเองนับพันกิโล
เขาริเริ่มสร้างวัฒนธรรมการขับขี่รถมอเตอร์ไซด์ให้กับทีมของเขา เขามักอยู่แถวหน้าเสมอ
เขาพกเอาความหลงไหลและลงลุยงานอย่างจริงจัง
เขาสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งถึงความแตกต่างระหว่างรถเอ็นฟิลด์กับรถแบรนด์อื่นๆ
เขาปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของรอยัลเอ็นฟิลด์และพัฒนาคุณภาพจนกลายเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมรถมอเตอร์ไซด์อินเดีย กลยุทธ์การตลาดแบบการเป็นสปอนเซอร์ให้กับรถประเภทต่างๆถูกนำมาใช้อย่างเข้มข้น ไม่ว่าทีมจักรยานภูเขา การขับขี่ข้ามประเทศ กลยุทธ์เหล่านี้ได้ช่วยขยายโครงข่ายไปทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยการใช้เทคนิคการตลาดที่ลงตัวและการสร้างความรักในหมู่วัยรุ่น
รอยัลเอ็นฟิลด์ กลายเป็นองค์ประกอบที่สร้างความสำเร็จให้กับกลุ่มบริษัทไอซ์เชอร์
มอเตอร์มากที่สุดในทุกวันนี้ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นั้นต้องมอบให้กับสิทธัตถะ
ลาล ผู้พลิกฟื้นภาพลักษณ์ของแบรนด์ บุรุษผู้พัฒนาวัฒนธรรมความรักในการขับขี่มอเตอร์ไซด์ให้กับทีมของเขาและสร้างแรงจูงใจให้พวกเขาเดินทางและเชื่อมโยงกับแบรนด์
แบรนด์รอยัลเอ็นฟิลด์คือมรดกตกทอดอันยิ่งใหญ่
ที่ลาล ในฐานะสถาปนิกผู้สร้างแบรนด์นี้ขึ้นมาจากเศษซาก
ลาลกำลังเปลี่ยนเกียร์และขับไปสู่ตลาดโลกต่อไป
ตอนนี้เขาส่งออกปีละ6,000คัน แต่เขาเชื่อว่ายอดต้องมากกว่านี้ในทศวรรษหน้า
เขากำลังวางยุทธศาสตร์เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้
เขาปรับโฉมทีมงานใหม่ดึงมืออาชีพเข้ามาร่วมงานเพื่อผลักดันความฝัน
Rod Copes ผู้จัดการฮาร์เลย์ เดวิดสันเดิม
มาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทของบริษัทในอเมริการเหนือ ดึงPierre Terblanche จากหัวหน้าทีมออกแบบอุตสาหกรรมของดูกาติ ดึงJames Young ฝ่ายเครื่องยนต์จากไทรอัมพ์
ดึงSimon Warburton ฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์จากไทรอัมพ์ Mark WellsและIan Wride ทั้งสองดูแลรุ่นEnfield Classic และContinental GT ร่วมกับสำนักออกแบบ Xenophya ในศูนย์รอยัลเอ็นฟิลด์ ในประเทศอังกฤษ
ลาลตระหนักเป็นอย่างดีว่าการตลาดที่ดีนั้นมีความสำคัญเทียบเท่ากับวิศวกกรรมที่ดี
เขาจึงจ้าง Rudratej
Singh จากยูนิลีเวอร์มาเป็นประธานบริษัทในปี2015
ลาลได้รับแรงบันดาลใจมาจากแบรนด์ระดับโลก
นั่นคือแบรนด์Mini Coperและ Porsche ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีความเฉพาะเจาะจงอย่างมากและมีความตระหนักถึงความเข้มข้นของดีเอ็นเอหลัก
เมื่อลาลยังเป็นนักศึกษาอยู่ในอังกฤษในปี1990
รถยนต์ขนาดเล็กในเวลานั้นออกแบบแย่มากเมื่อเทียบกับรถขนาดกลางและขนาดใหญ่
แต่เมื่อแบรนด์มินิปรากฎโฉมออกมา มันได้เปลี่ยนวิธีคิดไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
และทำให้เป็นรถน่าขับ ขับแล้วสนุก “นั่นคือซิ่งที่ผมอยากให้รอยัลเอ็นฟิลด์เป็นเช่นนั้นบ้างที่ทำให้รถขนาดกลางขับแล้วสนุก
แต่ยังคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอเดิมอยู่”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น